จังหวัดนนทบุรี
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
- สำหรับนนทบุรี ในความหมายอื่น ดูที่ นนทบุรี (แก้ความกำกวม)
จังหวัดนนทบุรี
ตราประจำจังหวัด ตราผ้าผูกคอลูกเสือ
พระตำหนักสง่างาม ลือนามสวนสมเด็จ เกาะเกร็ดแหล่งดินเผา วัดเก่านามระบือ เลื่องลือทุเรียนนนท์ งามน่ายลศูนย์ราชการ[1]
ข้อมูลทั่วไป
ชื่ออักษรไทย นนทบุรี
ชื่ออักษรโรมัน Nonthaburi
ชื่อไทยอื่นๆ เมืองนนท์
ผู้ว่าราชการ นายวิเชียร พุฒิวิญญู
(ตั้งแต่ พ.ศ. 2552)
ต้นไม้ประจำจังหวัด นนทรี
ดอกไม้ประจำจังหวัด นนทรี
ข้อมูลสถิติ
พื้นที่ 622.303 ตร.กม.[2]
(อันดับที่ 75)
ประชากร 1,101,743 คน[3] (พ.ศ. 2553)(อันดับที่ 18)
ความหนาแน่น 1,732.39 คน/ตร.กม.
(อันดับที่ 2)
ศูนย์ราชการ
ที่ตั้ง ศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี
หมู่ที่ 8 ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบล
บางกระสอ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (+66) 0 2580 0705-6
โทรสาร (+66) 0 2580 0705-6
เว็บไซต์ จังหวัดนนทบุรี
แผนที่
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย
จังหวัดนนทบุรี เป็นจังหวัดหนึ่งทางภาคกลางของประเทศไทย โดยจัดเป็นพื้นที่ในเขตปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร มีขนาดเนื้อที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 75 ของประเทศ (รวมกรุงเทพฯ) แต่มีประชากรหนาแน่นที่สุดเป็นอันดับที่ 2 รองจากกรุงเทพมหานคร
เนื้อหา
[ซ่อน]
[แก้] สัญลักษณ์ประจำจังหวัด
- ตราประจำจังหวัด รูป "หม้อน้ำลายวิจิตร" หมายถึง ชาวจังหวัดนนทบุรีมีอาชีพทำเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งยึดถือเป็นอาชีพและมีชื่อเสียงมาช้านาน
- ต้นไม้ประจำจังหวัด ต้นนนทรีบ้าน (Peltophorum pterocarpum Back. Ex Heyne วงศ์ LEGUMINOSAE)
- ดอกไม้ประจำจังหวัด ดอกนนทรี
- คำขวัญประจำจังหวัด พระตำหนักสง่างาม ลือนามสวนสมเด็จ เกาะเกร็ดแหล่งดินเผา วัดเก่านามระบือ เลื่องลือทุเรียนนนท์ งามน่ายลศูนย์ราชการ
- ตัวอักษรย่อ จังหวัดนนทบุรีใช้อักษรย่อ นบ
[แก้] ประวัติศาสตร์
สภาพทั่วไปของจังหวัดนนทบุรีเป็นที่ราบลุ่มมีความอุดมสมบูรณ์ จึงมีผู้คนมาตั้งถิ่นฐานเป็นชุมชนหนาแน่นตามริมแม่น้ำเจ้าพระยามาตั้งแต่อดีต เช่น บ้านวัดชลอ บ้านวัดเขมา บ้านบางม่วง บ้านตลาดขวัญ บ้านบางขนุน เป็นต้น
[แก้] สมัยอยุธยา
หลักฐานการตั้งถิ่นฐานที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดนนทบุรีปรากฏที่วัดปรางค์หลวง[4] ตั้งอยู่ในตำบลบางม่วง อำเภอบางใหญ่ เป็นวัดที่มีพระปรางค์ลักษณะย่อมุมไม้ยี่สิบขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่าสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นหลักแก่ชุมชนชาวเมืองอู่ทองที่อพยพหนีโรคระบาดมาตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณนี้ก่อนจะมีการสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี[5] ชุมชนแห่งนี้ได้ขยายตัวและกระจัดกระจายออกไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ในบริเวณนี้ โดยมีชุมชนสำคัญอีกแห่งหนึ่งคือ บ้านตลาดขวัญ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ท้องที่จังหวัดนนทบุรีทั้งหมดในสมัยนี้ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของกรุงศรีอยุธยา[6]
จนกระทั่งปี พ.ศ. 2091 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองลัดแม่น้ำเจ้าพระยา จากเหนือวัดชลอไปทะลุใกล้วัดมูลเหล็ก (ปัจจุบันคือวัดสุวรรณคีรี เขตบางกอกน้อย) เพื่อใช้เป็นเส้นทางลัดในการเดินทางและเพื่อเพิ่มปริมาณแหล่งน้ำสำหรับการเกษตรในพื้นที่[7]
ในปีเดียวกันนั้น พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ กษัตริย์พม่าได้ยกกองทัพเข้าตีกรุงศรีอยุธยา ผลจากสงครามทำให้สมเด็จพระสุริโยทัยสิ้นพระชนม์บนคอช้าง เมื่อพม่ายกทัพกลับไป และกรุงศรีอยุธยาได้จัดการพระศพสมเด็จพระสุริโยทัยเรียบร้อยแล้ว สมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงทรงปรับปรุงกิจการทหารให้มั่นคงกว่าเดิม พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเมืองใหม่ขึ้นอีกหลายเมือง รวมทั้งให้ยกฐานะหมู่บ้านตลาดขวัญขึ้นเป็น เมืองนนทบุรี ในปี พ.ศ. 2092[8] เนื่องจากมีราษฎรจำนวนมากหนีภัยสงครามครั้งนั้นไปอยู่ตามป่าเขาและไม่ยอมกลับพระนคร หากตั้งเมืองใหม่ขึ้นจะเป็นประโยชน์ต่อการเกณฑ์ไพร่พลเมื่อเกิดสงคราม นอกจากนี้ยังสามารถเป็นเมืองท่าและเมืองหน้าด่านของกรุงศรีอยุธยาได้อีกด้วย ที่ตั้งของเมืองนนทบุรีในครั้งแรกนี้ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา มีวัดหัวเมืองเป็นเขตเหนือ (ปัจจุบันคือโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า) และมีวัดท้ายเมืองเป็นเขตใต้[9]
ต่อมาในปี พ.ศ. 2179 รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองลัดตัดส่วนโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ใต้วัดท้ายเมืองไปทะลุออกหน้าวัดเขมา[8] (เดิมแม่น้ำเจ้าพระยาไหลวกเข้าไปทางบางกรวยและบางใหญ่) ซึ่งทำให้กระแสน้ำเปลี่ยนทางเดินไหลเข้าคลองที่ขุดใหม่ กลายเป็นแนวแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าศาลากลางจังหวัดหลังเก่าในปัจจุบัน ส่วนแม่น้ำเดิมก็ตื้นเขินลงเป็นคลองอ้อม คลองบางกอกน้อย และคลองบางกรวยตามที่ปรากฏในปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. 2208 สมเด็จพระนารายณ์มหาราชมีพระราชดำริว่า แนวแม่น้ำเจ้าพระยาที่สั้นลงจะทำให้ข้าศึกเข้าสู่กรุงศรีอยุธยาได้ง่ายขึ้น จึงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองนนทบุรีจากบ้านตลาดขวัญไปตั้งบริเวณปากคลองอ้อม บ้านบางศรีเมือง[8] (ที่ตั้งเมืองอยู่บริเวณนี้จนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) และให้สร้างกำแพงเมืองรวมทั้งป้อมปราการขึ้น 2 ป้อม คือ "ป้อมแก้ว" ตั้งอยู่ที่บ้านตลาดแก้ว (สันนิษฐานว่าอยู่ที่วัดปากน้ำในปัจจุบัน) และ "ป้อมทับทิม" ตั้งอยู่บริเวณวัดเฉลิมพระเกียรติในปัจจุบัน[10] (ปัจจุบันกำแพงและป้อมถูกรื้อไปหมดแล้ว) ในช่วงนี้สภาพเศรษฐกิจของเมืองนนทบุรีมีความมั่นคงมาก ทั้งการค้าขายและการทำสวนผลไม้[10]
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2264 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองลัดเกร็ดขึ้นตัดความโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงที่ไหลวกอ้อมไปทางบางบัวทอง[10] ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางการไหล ชายฝั่งทั้งสองข้างของคลองลัดเกร็ดถูกกัดเซาะให้ห่างออกจากกันมากขึ้น พื้นที่ตรงกลางที่มีน้ำล้อมรอบจึงกลายเป็นเกาะ เรียกว่า "เกาะเกร็ด"
ปี พ.ศ. 2307 ก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าเล็กน้อย พระเจ้ามังระ กษัตริย์พม่า โปรดเกล้าฯ ให้มังมหานรธาเป็นแม่ทัพเข้าตีเข้ากรุงศรีอยุธยาจากทางทิศใต้ ตีหัวเมืองรายทางเรื่อยมาจนถึงเมืองธนบุรีและเมืองนนทบุรี ก็เข้ายึดเมืองทั้งสองได้เช่นกัน พม่าแบ่งกำลังบางส่วนขึ้นมาตั้งค่ายอยู่บริเวณวัดเขมา ขณะนั้นมีเรือกำปั่นอังกฤษซึ่งมาค้าขายอยู่ที่เมืองธนบุรีได้อาสาช่วยรบโดยยิงปืนเข้าใส่ค่ายพม่าในเวลากลางคืน[11] แต่ในที่สุดก็สู้กองทัพพม่าไม่ได้ จึงล่องเรือหนีไป
จากนั้นกองทัพพม่าจึงบุกขึ้นไปทางทิศเหนือ เข้าล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2309 และเข้ายึดได้ในปี พ.ศ. 2310 ตลอดการสู้รบได้ส่งผลให้บ้านเมือง วัดวาอารามต่าง ๆ ถูกทำลายและทิ้งร้าง ชาวเมืองนนทบุรีต้องอพยพจากถิ่นที่อยู่เดิม ข้ามแม่น้ำไปหลบซ่อนในสวนบางกรวยและบางใหญ่เพื่อหนีภัยสงคราม[12]
[แก้] สมัยรัตนโกสินทร์
เมื่อบ้านเมืองได้รับการฟื้นฟูกลับสู่สภาพปกติในสมัยกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ ชาวเมืองจึงค่อย ๆ ย้ายกลับสู่ถิ่นฐานเดิม พร้อมทั้งมีผู้คนจากถิ่นอื่นเข้ามาในพื้นที่ด้วย ได้แก่ ชาวมอญที่อพยพเข้ามาในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งถิ่นฐานที่ปากเกร็ด[12] และอีกครั้งหนึ่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เมืองนนทบุรี เมืองปทุมธานี และเมืองนครเขื่อนขันธ์[13] นอกจากนี้ยังมีชาวไทยมุสลิมเมืองปัตตานีที่ถูกกวาดต้อนเข้ามาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช[13] และชาวไทยมุสลิมเมืองไทรบุรีที่เข้ามาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งสองพระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ชาวไทยมุสลิมเหล่านี้ตั้งถิ่นฐานที่บ้านท่าอิฐ (ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอปากเกร็ด) และบ้านบางบัวทอง[13]
ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนสร้อยชื่อเมืองจากเดิมคือ เมืองนนทบุรีศรีมหาสมุทร เป็น เมืองนนทบุรีศรีมหาอุทยาน[14] และต่อมาเปลี่ยนเป็น เมืองนนทบุรีศรีเกษตราราม[15] ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นนี้ เมืองนนทบุรีมีฐานะเป็นหัวเมืองชายทะเล สังกัดกรมท่า[16]
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงปฏิรูปการปกครองหัวเมืองต่าง ๆ เป็นการปกครองส่วนภูมิภาค เมืองนนทบุรี จึงจัดอยู่ในมณฑลกรุงเทพ แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอตลาดขวัญ อำเภอบางใหญ่ อำเภอบางบัวทอง และอำเภอปากเกร็ด[16] ส่วนศาลากลางเมืองนนทบุรีนั้นโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายจากปากคลองอ้อม บ้านบางศรีเมือง มาตั้งอยู่ที่ปากคลองบางซื่อใกล้วัดท้ายเมือง[16] จนกระทั่งปี พ.ศ. 2459 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนคำว่าเมืองเป็น "จังหวัด"[17] เมืองนนทบุรีจึงเปลี่ยนชื่อเรียกเป็น จังหวัดนนทบุรี
นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2471 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายศาลากลางจังหวัดนนทบุรีมาตั้งที่โรงเรียนราชวิทยาลัย[18] ศาลากลางจังหวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการเมืองและศาลากลางจังหวัดนนทบุรีในอดีตลงมาทางทิศใต้ ปัจจุบันก็คือศาลากลางจังหวัดหลังเก่าบริเวณท่าน้ำนนทบุรีนั่นเอง
[แก้] สมัยปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. 2474 ทางราชการได้ตัดถนนประชาราษฎร์[19] ขึ้นเป็นเส้นทางเชื่อมการคมนาคมระหว่างจังหวัดนนทบุรีกับจังหวัดพระนครสายแรก[20] และต่อมาจึงตัดถนนพิบูลสงครามเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นเป็นสายที่สอง[20] ในท้องที่ตำบลสวนใหญ่
เมื่อปี พ.ศ. 2486 เกิดสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางราชการจึงยุบจังหวัดนนทบุรีลงเพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ โดยโอนอำเภอเมืองนนทบุรีและอำเภอปากเกร็ดไปขึ้นกับจังหวัดพระนคร และโอนอำเภอบางกรวย อำเภอบางใหญ่ และอำเภอบางบัวทองไปขึ้นกับจังหวัดธนบุรี[20] จนกระทั่งนนทบุรีได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดอีกครั้งในปี พ.ศ. 2489[21] อำเภอต่าง ๆ จึงกลับมาอยู่ในเขตการปกครองของทางจังหวัดตามเดิม
ปี พ.ศ. 2499 กระทรวงมหาดไทยได้ยกกิ่งอำเภอไทรน้อยซึ่งแยกพื้นที่ปกครองจากอำเภอบางบัวทองมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 ให้มีฐานะเป็นอำเภอไทรน้อย[22] จังหวัดนนทบุรีจึงมีเขตการปกครองรวม 6 อำเภอจนถึงปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. 2535 กระทรวงมหาดไทยย้ายศาลากลางจังหวัดนนทบุรีและหน่วยงานราชการอื่น ๆ ไปตั้งอยู่ที่ศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบลบางกระสอ และใช้เป็นที่ทำการมาจนถึงทุกวันนี้
[แก้] ทำเนียบผู้ว่าราชการ
รายนามผู้ว่าราชการเมืองนนทบุรีและผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี[23]
ลำดับ ชื่อผู้ว่าราชการ ระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง ลำดับ ชื่อผู้ว่าราชการ ระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง
1 มหาอำมาตย์ตรี นายพันตรีพระยาไกรโกษา (ทัด สิงหเสนี) ไม่ทราบข้อมูล 2 หม่อมเจ้าขจรศุภสวัสดิ์ ไม่ทราบข้อมูล
3 พระยาอินทราธิบดี (ทองย้อย เศวตศิลา) ไม่ทราบข้อมูล 4 พระยานนทบุรีศรีเกษตราราม (เล็ก บูรณฤกษ์) พ.ศ. 2465-2469
5 พระยาศิริชัยบุรินทร์ (เปี่ยม หงสเดช) พ.ศ. 2469-2476 6 พระยาบริหารเทพธานี (เฉลิม กาญจนาคม) พ.ศ. 2476-2478
7 หลวงภูวนารถนราภิบาล (สนิท มหามุสิต) พ.ศ. 2478-2480 8 หลวงวิโรจน์รัฐกิจ (เปรื่อง โรจนกุล) พ.ศ. 2480-2482
9 หลวงอรรถเกษมภาษา (สวิง ถาวรพันธ์) พ.ศ. 2482-2483 10 หลวงโยธีพิทักษ์ (โปร่ง สาทิศกุล) พ.ศ. 2483-2484
11 นายสุทิน วิวัฒนะ พ.ศ. 2484-2485 12 หลวงนรกิจบริหาร (แดง กนิษฐสุต) พ.ศ. 2485-2489
13 นายลิขิต สัตยายุทธ์ พ.ศ. 2489-2491 14 ขุนบุรีภิรมย์กิจ (พริ้ม จารุมาศ) พ.ศ. 2491-2499
15 นายประกอบ ทรัพย์มณี พ.ศ. 2499-2503 16 นายสอาด ปายะนันท์ พ.ศ. 2503-2510
17 นายแสวง ศรีมาเสริม พ.ศ. 2510-2514 18 นายวิจิตร แจ่มใส พ.ศ. 2514-2519
19 นายสุชาติ พัววิไล พ.ศ. 2519-2521 20 นายศรีพงศ์ สระวาลี พ.ศ. 2521-2524
21 นายฉลอง วงษา พ.ศ. 2524-2526 22 ดร.สุกิจ จุลละนันท์ พ.ศ. 2526-2530
23 นายปริญญา นาคฉัตรีย์ พ.ศ. 2530-2534 24 นายทวีป ทวีพาณิชย์ พ.ศ. 2534-2536
25 นายชัยจิตร รัฐขจร พ.ศ. 2536-2537 26 นายสุจริต ปัจฉิมนันท์ พ.ศ. 2537-2539
27 นายวีระชัย แนวบุญเนียร พ.ศ. 2539-2542 28 นายขวัญชัย วศวงศ์ พ.ศ. 2542-2544
29 นายสาโรช คัชมาตย์ พ.ศ. 2544-2545 30 นายชาญชัย สุนทรมัฎฐ์ พ.ศ. 2545-2547
31 นายพระนาย สุวรรณรัฐ พ.ศ. 2547-2549 32 นายเชิดวิทย์ ฤทธิประศาสน์ พ.ศ. 2549-2552
33 นายวิเชียร พุฒิวิญญู พ.ศ. 2552-ปัจจุบัน
[แก้] ภูมิศาสตร์
[แก้] ที่ตั้งและอาณาเขตติดต่อ
จังหวัดนนทบุรีตั้งอยู่ในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือค่อนทางเหนือ 20 กิโลเมตร มีพื้นที่ปกครองทั้งหมด 622.303 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 388,939.375 ไร่ โดยมีพิกัดภูมิศาสตร์อยู่ละติจูดที่ 13 องศา 47 ลิปดาเหนือ ถึงละติจูดที่ 14 องศา 04 ลิปดาเหนือ และลองจิจูดที่ 100 องศา 15 ลิปดาตะวันออก ถึงลองจิจูดที่ 100 องศา 34 ลิปดาตะวันออก[24] และมีอาณาเขตจรดอำเภอและจังหวัดข้างเคียงเรียงตามเข็มนาฬิกา ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อำเภอลาดหลุมแก้ว และอำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับเขตดอนเมือง เขตหลักสี่ เขตจตุจักร และเขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร (ฝั่งพระนคร)
- ทิศใต้ ติดต่อกับเขตบางพลัด เขตตลิ่งชัน และเขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร (ฝั่งธนบุรี)
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอพุทธมณฑลและอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม
[แก้] ลักษณะภูมิประเทศ
จังหวัดนนทบุรีเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีแม่น้ำไหลผ่าน จึงแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งตะวันตก มีพื้นที่ 3 ใน 4 ของจังหวัด พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มมีน้ำท่วมถึง มีคูคลองขนาดต่าง ๆ เชื่อมโยงกันหลายสายเหมือนใยแมงมุม มีการทำเรือกสวนไร่นา และฝั่งตะวันออกมีพื้นที่ 1 ใน 3 ของจังหวัด ได้แก่พื้นที่ในเขตเทศบาลนครนนทบุรีและเทศบาลนครปากเกร็ด เป็นเขตเมืองมีประชากรอยู่อย่างหนาแน่น อาจถือได้ว่าส่วนนี้เป็นส่วนหนึ่งของเมืองหลวง เพราะเขตแดนระหว่างนนทบุรีกับกรุงเทพมหานครนั้นแทบจะไม่เป็นที่รู้จัก
[แก้] ลักษณะภูมิอากาศ
[แก้] การแบ่งเขตการปกครอง
[แก้] การปกครองส่วนภูมิภาค
จังหวัดนนทบุรีแบ่งเขตการปกครองส่วนภูมิภาค (ตามกฎหมายลักษณะปกครองท้องที่) ออกเป็น 6 อำเภอ 52 ตำบล 440 หมู่บ้าน แต่หากไม่นับรวมหน่วยการปกครองในเขตเทศบาลเมืองและเทศบาลนครซึ่งยุบเลิกตำแหน่งกำนันและผู้ใหญ่บ้านแล้ว จะมีทั้งหมด 34 ตำบล 328 หมู่บ้าน[25] โดยอำเภอทั้ง 6 อำเภอของจังหวัดนนทบุรี มีรายชื่อและข้อมูลทั่วไปดังนี้
ข้อมูลอำเภอในจังหวัดนนทบุรี (31 ธันวาคม พ.ศ. 2552)
ลำดับ[# 1]
ชื่ออำเภอ
ชั้น[26]
พื้นที่
(ตร.กม.)
ห่างจากตัวจังหวัด
(ก.ม.)[27]
ตั้งเมื่อ
(พ.ศ.)
ตำบล
[# 2][28]
หมู่บ้าน
[# 3][28]
ประชากร
(คน)[29]
แผนที่
1 พิเศษ 77.018 [30] - ไม่ปรากฏข้อมูล 10 26 356,153
2 2 57.408 [31] 16.86 2447 [32] 9 41 103,930
3 2 96.398 [33] 8.11 2464 [34] 6 69 107,716
4 1 116.439 [35] 15.96 2445 [36] 8 73 234,496
5 2 186.017 [37] 29.01 2499 [38] 7 68 56,195
6 1 89.023 [39] 7.45 2427 [40] 12 51 219,581
- ^ เรียงตามรหัสเขตการปกครองของกรมการปกครอง
- ^ รวมตำบลในเขตเทศบาลเมืองและเทศบาลนครด้วย
- ^ เฉพาะหมู่บ้านนอกเขตเทศบาลเมืองและเทศบาลนคร (ทั้งเต็มหมู่และบางส่วน) เท่านั้น สำหรับจำนวนหมู่บ้านทั้งหมด ให้ดูในบทความของแต่ละอำเภอ
[แก้] การปกครองส่วนท้องถิ่น
พื้นที่จังหวัดนนทบุรีประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 46 แห่ง แบ่งตามประเภทและอำนาจบริหารจัดการภายในท้องที่ได้เป็น องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาล 11 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 34 แห่ง[41] เทศบาลทั้งหมดมีรายชื่อดังนี้
ข้อมูลเทศบาลในจังหวัดนนทบุรี (31 ธันวาคม พ.ศ. 2552)
ลำดับ
ชื่อเทศบาล
พื้นที่
(ตร.กม.)
ตั้งเมื่อ
(พ.ศ.)[# 1]
อำเภอ
ครอบคลุมตำบล
ประชากร
(คน)[29]
ทั้งตำบล บางส่วน รวม
1 38.90 [42] 2538 [43] เมืองนนทบุรี 5 - 5 263,507
2 36.04 [44] 2543 [45] ปากเกร็ด 5 - 5 176,742
3 13.50 [46] 2480 [47] บางบัวทอง 1 4 5 46,428
4 8.40 [48] 2545 [49] บางกรวย 2 - 2 41,742
5 6.36 [50] 2549 [51] เมืองนนทบุรี 1 1 2 29,416
6 15.68 [48] 2542 [52] บางกรวย 2 1 3 28,867
7 1.67 [53] 2542 [52] บางใหญ่ - 3 3 5,104
8 7.23 [54] 2542 [52] บางใหญ่ - 3 3 9,655
9 1.20 [48] 2542 [52] ไทรน้อย - 2 2 1,862
10 8.14 [48] 2546 [55] เมืองนนทบุรี 1 - 1 19,021
11 14.78 [56] 2551 [41] บางกรวย 1 - 1 8,777
- ^ หมายถึงปีที่ได้รับการยกฐานะเป็นเทศบาลในระดับล่าสุด
[แก้] ประชากร
ตามข้อมูลจำนวนประชากรของกรมการปกครอง เมื่อสิ้นปี พ.ศ. 2552 จังหวัดนนทบุรีมีประชากร 1,078,071 คน เป็นชาย 507,972 คน และหญิง 570,099 คน[29] ประกอบด้วยหลายเชื้อชาติทั้งไทย (มีจำนวนมากที่สุด มีอยู่ทั่วไปในจังหวัด) จีน มอญ (อพยพมาในสมัยกรุงธนบุรีและสมัยรัชกาลที่ 2) และมลายู (อพยพมาจากเมืองปัตตานีและไทรบุรี) โดยส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา รองลงไปเป็นศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม และศาสนาอื่น ๆ
[แก้] การคมนาคม
- ดูบทความหลักที่ รายชื่อถนนในจังหวัดนนทบุรี
[แก้] สถานีรถไฟฟ้า
[แก้] รถไฟฟ้ามหานคร สายสีม่วง
- คลองบางไผ่
- ตลาดบางใหญ่
- สามแยกบางใหญ่
- บางพลู
- บางรักใหญ่
- ท่าอิฐ
- ไทรม้า
- พระนั่งเกล้า
- แยกนนทบุรี1
- ศรีพรสวรรค์
- ศูนย์ราชการนนทบุรี
- กระทรวงสาธารณสุข
- แยกติวานนท์
[แก้] รถไฟฟ้าโมโนเรล สายสีชมพู
- ศูนย์ราชการนนทบุรี
- แคราย
- สนามบินน้ำ
- สามัคคี
- ชลประทาน
- ปากเกร็ด
- เลี่ยงเมืองปากเกร็ด
- เมืองทองธานี
- ศรีรัช
[แก้] รถไฟฟ้าสายสีแดง
[แก้] ท่าเรือ
- ปากเกร็ด
- เกาะเกร็ด
- วัดกลางเกร็ด
- กระทรวงพาณิชย์
- สะพานพระนั่งเกล้า
- ท่าน้ำนนทบุรี
- บางศรีเมือง
- สะพานพระราม5
- นครอินทร์
- วัดเขียน
- วัดตึก
- วัดเขมาภิรตาราม
- วัดปากน้ำ
- บางกรวย
- สะพานพระราม 7
[แก้] ดูเพิ่ม
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
- สำหรับนนทบุรี ในความหมายอื่น ดูที่ นนทบุรี (แก้ความกำกวม)
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เนื้อหา[ซ่อน] |
[แก้] สัญลักษณ์ประจำจังหวัด
- ตราประจำจังหวัด รูป "หม้อน้ำลายวิจิตร" หมายถึง ชาวจังหวัดนนทบุรีมีอาชีพทำเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งยึดถือเป็นอาชีพและมีชื่อเสียงมาช้านาน
- ต้นไม้ประจำจังหวัด ต้นนนทรีบ้าน (Peltophorum pterocarpum Back. Ex Heyne วงศ์ LEGUMINOSAE)
- ดอกไม้ประจำจังหวัด ดอกนนทรี
- คำขวัญประจำจังหวัด พระตำหนักสง่างาม ลือนามสวนสมเด็จ เกาะเกร็ดแหล่งดินเผา วัดเก่านามระบือ เลื่องลือทุเรียนนนท์ งามน่ายลศูนย์ราชการ
- ตัวอักษรย่อ จังหวัดนนทบุรีใช้อักษรย่อ นบ
[แก้] ประวัติศาสตร์
สภาพทั่วไปของจังหวัดนนทบุรีเป็นที่ราบลุ่มมีความอุดมสมบูรณ์ จึงมีผู้คนมาตั้งถิ่นฐานเป็นชุมชนหนาแน่นตามริมแม่น้ำเจ้าพระยามาตั้งแต่อดีต เช่น บ้านวัดชลอ บ้านวัดเขมา บ้านบางม่วง บ้านตลาดขวัญ บ้านบางขนุน เป็นต้น[แก้] สมัยอยุธยา
หลักฐานการตั้งถิ่นฐานที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดนนทบุรีปรากฏที่วัดปรางค์หลวง[4] ตั้งอยู่ในตำบลบางม่วง อำเภอบางใหญ่ เป็นวัดที่มีพระปรางค์ลักษณะย่อมุมไม้ยี่สิบขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่าสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นหลักแก่ชุมชนชาวเมืองอู่ทองที่อพยพหนีโรคระบาดมาตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณนี้ก่อนจะมีการสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี[5] ชุมชนแห่งนี้ได้ขยายตัวและกระจัดกระจายออกไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ในบริเวณนี้ โดยมีชุมชนสำคัญอีกแห่งหนึ่งคือ บ้านตลาดขวัญ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ท้องที่จังหวัดนนทบุรีทั้งหมดในสมัยนี้ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของกรุงศรีอยุธยา[6]จนกระทั่งปี พ.ศ. 2091 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองลัดแม่น้ำเจ้าพระยา จากเหนือวัดชลอไปทะลุใกล้วัดมูลเหล็ก (ปัจจุบันคือวัดสุวรรณคีรี เขตบางกอกน้อย) เพื่อใช้เป็นเส้นทางลัดในการเดินทางและเพื่อเพิ่มปริมาณแหล่งน้ำสำหรับการเกษตรในพื้นที่[7]
ในปีเดียวกันนั้น พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ กษัตริย์พม่าได้ยกกองทัพเข้าตีกรุงศรีอยุธยา ผลจากสงครามทำให้สมเด็จพระสุริโยทัยสิ้นพระชนม์บนคอช้าง เมื่อพม่ายกทัพกลับไป และกรุงศรีอยุธยาได้จัดการพระศพสมเด็จพระสุริโยทัยเรียบร้อยแล้ว สมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงทรงปรับปรุงกิจการทหารให้มั่นคงกว่าเดิม พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเมืองใหม่ขึ้นอีกหลายเมือง รวมทั้งให้ยกฐานะหมู่บ้านตลาดขวัญขึ้นเป็น เมืองนนทบุรี ในปี พ.ศ. 2092[8] เนื่องจากมีราษฎรจำนวนมากหนีภัยสงครามครั้งนั้นไปอยู่ตามป่าเขาและไม่ยอมกลับพระนคร หากตั้งเมืองใหม่ขึ้นจะเป็นประโยชน์ต่อการเกณฑ์ไพร่พลเมื่อเกิดสงคราม นอกจากนี้ยังสามารถเป็นเมืองท่าและเมืองหน้าด่านของกรุงศรีอยุธยาได้อีกด้วย ที่ตั้งของเมืองนนทบุรีในครั้งแรกนี้ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา มีวัดหัวเมืองเป็นเขตเหนือ (ปัจจุบันคือโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า) และมีวัดท้ายเมืองเป็นเขตใต้[9]
ต่อมาในปี พ.ศ. 2179 รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองลัดตัดส่วนโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ใต้วัดท้ายเมืองไปทะลุออกหน้าวัดเขมา[8] (เดิมแม่น้ำเจ้าพระยาไหลวกเข้าไปทางบางกรวยและบางใหญ่) ซึ่งทำให้กระแสน้ำเปลี่ยนทางเดินไหลเข้าคลองที่ขุดใหม่ กลายเป็นแนวแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าศาลากลางจังหวัดหลังเก่าในปัจจุบัน ส่วนแม่น้ำเดิมก็ตื้นเขินลงเป็นคลองอ้อม คลองบางกอกน้อย และคลองบางกรวยตามที่ปรากฏในปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. 2208 สมเด็จพระนารายณ์มหาราชมีพระราชดำริว่า แนวแม่น้ำเจ้าพระยาที่สั้นลงจะทำให้ข้าศึกเข้าสู่กรุงศรีอยุธยาได้ง่ายขึ้น จึงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองนนทบุรีจากบ้านตลาดขวัญไปตั้งบริเวณปากคลองอ้อม บ้านบางศรีเมือง[8] (ที่ตั้งเมืองอยู่บริเวณนี้จนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) และให้สร้างกำแพงเมืองรวมทั้งป้อมปราการขึ้น 2 ป้อม คือ "ป้อมแก้ว" ตั้งอยู่ที่บ้านตลาดแก้ว (สันนิษฐานว่าอยู่ที่วัดปากน้ำในปัจจุบัน) และ "ป้อมทับทิม" ตั้งอยู่บริเวณวัดเฉลิมพระเกียรติในปัจจุบัน[10] (ปัจจุบันกำแพงและป้อมถูกรื้อไปหมดแล้ว) ในช่วงนี้สภาพเศรษฐกิจของเมืองนนทบุรีมีความมั่นคงมาก ทั้งการค้าขายและการทำสวนผลไม้[10]
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2264 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองลัดเกร็ดขึ้นตัดความโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงที่ไหลวกอ้อมไปทางบางบัวทอง[10] ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางการไหล ชายฝั่งทั้งสองข้างของคลองลัดเกร็ดถูกกัดเซาะให้ห่างออกจากกันมากขึ้น พื้นที่ตรงกลางที่มีน้ำล้อมรอบจึงกลายเป็นเกาะ เรียกว่า "เกาะเกร็ด"
ปี พ.ศ. 2307 ก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าเล็กน้อย พระเจ้ามังระ กษัตริย์พม่า โปรดเกล้าฯ ให้มังมหานรธาเป็นแม่ทัพเข้าตีเข้ากรุงศรีอยุธยาจากทางทิศใต้ ตีหัวเมืองรายทางเรื่อยมาจนถึงเมืองธนบุรีและเมืองนนทบุรี ก็เข้ายึดเมืองทั้งสองได้เช่นกัน พม่าแบ่งกำลังบางส่วนขึ้นมาตั้งค่ายอยู่บริเวณวัดเขมา ขณะนั้นมีเรือกำปั่นอังกฤษซึ่งมาค้าขายอยู่ที่เมืองธนบุรีได้อาสาช่วยรบโดยยิงปืนเข้าใส่ค่ายพม่าในเวลากลางคืน[11] แต่ในที่สุดก็สู้กองทัพพม่าไม่ได้ จึงล่องเรือหนีไป
จากนั้นกองทัพพม่าจึงบุกขึ้นไปทางทิศเหนือ เข้าล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2309 และเข้ายึดได้ในปี พ.ศ. 2310 ตลอดการสู้รบได้ส่งผลให้บ้านเมือง วัดวาอารามต่าง ๆ ถูกทำลายและทิ้งร้าง ชาวเมืองนนทบุรีต้องอพยพจากถิ่นที่อยู่เดิม ข้ามแม่น้ำไปหลบซ่อนในสวนบางกรวยและบางใหญ่เพื่อหนีภัยสงคราม[12]
[แก้] สมัยรัตนโกสินทร์
เมื่อบ้านเมืองได้รับการฟื้นฟูกลับสู่สภาพปกติในสมัยกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ ชาวเมืองจึงค่อย ๆ ย้ายกลับสู่ถิ่นฐานเดิม พร้อมทั้งมีผู้คนจากถิ่นอื่นเข้ามาในพื้นที่ด้วย ได้แก่ ชาวมอญที่อพยพเข้ามาในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งถิ่นฐานที่ปากเกร็ด[12] และอีกครั้งหนึ่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เมืองนนทบุรี เมืองปทุมธานี และเมืองนครเขื่อนขันธ์[13] นอกจากนี้ยังมีชาวไทยมุสลิมเมืองปัตตานีที่ถูกกวาดต้อนเข้ามาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช[13] และชาวไทยมุสลิมเมืองไทรบุรีที่เข้ามาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งสองพระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ชาวไทยมุสลิมเหล่านี้ตั้งถิ่นฐานที่บ้านท่าอิฐ (ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอปากเกร็ด) และบ้านบางบัวทอง[13]ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนสร้อยชื่อเมืองจากเดิมคือ เมืองนนทบุรีศรีมหาสมุทร เป็น เมืองนนทบุรีศรีมหาอุทยาน[14] และต่อมาเปลี่ยนเป็น เมืองนนทบุรีศรีเกษตราราม[15] ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นนี้ เมืองนนทบุรีมีฐานะเป็นหัวเมืองชายทะเล สังกัดกรมท่า[16]
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงปฏิรูปการปกครองหัวเมืองต่าง ๆ เป็นการปกครองส่วนภูมิภาค เมืองนนทบุรี จึงจัดอยู่ในมณฑลกรุงเทพ แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอตลาดขวัญ อำเภอบางใหญ่ อำเภอบางบัวทอง และอำเภอปากเกร็ด[16] ส่วนศาลากลางเมืองนนทบุรีนั้นโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายจากปากคลองอ้อม บ้านบางศรีเมือง มาตั้งอยู่ที่ปากคลองบางซื่อใกล้วัดท้ายเมือง[16] จนกระทั่งปี พ.ศ. 2459 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนคำว่าเมืองเป็น "จังหวัด"[17] เมืองนนทบุรีจึงเปลี่ยนชื่อเรียกเป็น จังหวัดนนทบุรี
นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2471 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายศาลากลางจังหวัดนนทบุรีมาตั้งที่โรงเรียนราชวิทยาลัย[18] ศาลากลางจังหวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการเมืองและศาลากลางจังหวัดนนทบุรีในอดีตลงมาทางทิศใต้ ปัจจุบันก็คือศาลากลางจังหวัดหลังเก่าบริเวณท่าน้ำนนทบุรีนั่นเอง
[แก้] สมัยปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. 2474 ทางราชการได้ตัดถนนประชาราษฎร์[19] ขึ้นเป็นเส้นทางเชื่อมการคมนาคมระหว่างจังหวัดนนทบุรีกับจังหวัดพระนครสายแรก[20] และต่อมาจึงตัดถนนพิบูลสงครามเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นเป็นสายที่สอง[20] ในท้องที่ตำบลสวนใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2486 เกิดสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางราชการจึงยุบจังหวัดนนทบุรีลงเพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ โดยโอนอำเภอเมืองนนทบุรีและอำเภอปากเกร็ดไปขึ้นกับจังหวัดพระนคร และโอนอำเภอบางกรวย อำเภอบางใหญ่ และอำเภอบางบัวทองไปขึ้นกับจังหวัดธนบุรี[20] จนกระทั่งนนทบุรีได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดอีกครั้งในปี พ.ศ. 2489[21] อำเภอต่าง ๆ จึงกลับมาอยู่ในเขตการปกครองของทางจังหวัดตามเดิม
ปี พ.ศ. 2499 กระทรวงมหาดไทยได้ยกกิ่งอำเภอไทรน้อยซึ่งแยกพื้นที่ปกครองจากอำเภอบางบัวทองมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 ให้มีฐานะเป็นอำเภอไทรน้อย[22] จังหวัดนนทบุรีจึงมีเขตการปกครองรวม 6 อำเภอจนถึงปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. 2535 กระทรวงมหาดไทยย้ายศาลากลางจังหวัดนนทบุรีและหน่วยงานราชการอื่น ๆ ไปตั้งอยู่ที่ศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบลบางกระสอ และใช้เป็นที่ทำการมาจนถึงทุกวันนี้
[แก้] ทำเนียบผู้ว่าราชการ
รายนามผู้ว่าราชการเมืองนนทบุรีและผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี[23]| ลำดับ | ชื่อผู้ว่าราชการ | ระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง | ลำดับ | ชื่อผู้ว่าราชการ | ระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง |
|---|---|---|---|---|---|
| 1 | มหาอำมาตย์ตรี นายพันตรีพระยาไกรโกษา (ทัด สิงหเสนี) | ไม่ทราบข้อมูล | 2 | หม่อมเจ้าขจรศุภสวัสดิ์ | ไม่ทราบข้อมูล |
| 3 | พระยาอินทราธิบดี (ทองย้อย เศวตศิลา) | ไม่ทราบข้อมูล | 4 | พระยานนทบุรีศรีเกษตราราม (เล็ก บูรณฤกษ์) | พ.ศ. 2465-2469 |
| 5 | พระยาศิริชัยบุรินทร์ (เปี่ยม หงสเดช) | พ.ศ. 2469-2476 | 6 | พระยาบริหารเทพธานี (เฉลิม กาญจนาคม) | พ.ศ. 2476-2478 |
| 7 | หลวงภูวนารถนราภิบาล (สนิท มหามุสิต) | พ.ศ. 2478-2480 | 8 | หลวงวิโรจน์รัฐกิจ (เปรื่อง โรจนกุล) | พ.ศ. 2480-2482 |
| 9 | หลวงอรรถเกษมภาษา (สวิง ถาวรพันธ์) | พ.ศ. 2482-2483 | 10 | หลวงโยธีพิทักษ์ (โปร่ง สาทิศกุล) | พ.ศ. 2483-2484 |
| 11 | นายสุทิน วิวัฒนะ | พ.ศ. 2484-2485 | 12 | หลวงนรกิจบริหาร (แดง กนิษฐสุต) | พ.ศ. 2485-2489 |
| 13 | นายลิขิต สัตยายุทธ์ | พ.ศ. 2489-2491 | 14 | ขุนบุรีภิรมย์กิจ (พริ้ม จารุมาศ) | พ.ศ. 2491-2499 |
| 15 | นายประกอบ ทรัพย์มณี | พ.ศ. 2499-2503 | 16 | นายสอาด ปายะนันท์ | พ.ศ. 2503-2510 |
| 17 | นายแสวง ศรีมาเสริม | พ.ศ. 2510-2514 | 18 | นายวิจิตร แจ่มใส | พ.ศ. 2514-2519 |
| 19 | นายสุชาติ พัววิไล | พ.ศ. 2519-2521 | 20 | นายศรีพงศ์ สระวาลี | พ.ศ. 2521-2524 |
| 21 | นายฉลอง วงษา | พ.ศ. 2524-2526 | 22 | ดร.สุกิจ จุลละนันท์ | พ.ศ. 2526-2530 |
| 23 | นายปริญญา นาคฉัตรีย์ | พ.ศ. 2530-2534 | 24 | นายทวีป ทวีพาณิชย์ | พ.ศ. 2534-2536 |
| 25 | นายชัยจิตร รัฐขจร | พ.ศ. 2536-2537 | 26 | นายสุจริต ปัจฉิมนันท์ | พ.ศ. 2537-2539 |
| 27 | นายวีระชัย แนวบุญเนียร | พ.ศ. 2539-2542 | 28 | นายขวัญชัย วศวงศ์ | พ.ศ. 2542-2544 |
| 29 | นายสาโรช คัชมาตย์ | พ.ศ. 2544-2545 | 30 | นายชาญชัย สุนทรมัฎฐ์ | พ.ศ. 2545-2547 |
| 31 | นายพระนาย สุวรรณรัฐ | พ.ศ. 2547-2549 | 32 | นายเชิดวิทย์ ฤทธิประศาสน์ | พ.ศ. 2549-2552 |
| 33 | นายวิเชียร พุฒิวิญญู | พ.ศ. 2552-ปัจจุบัน |
[แก้] ภูมิศาสตร์
[แก้] ที่ตั้งและอาณาเขตติดต่อ
จังหวัดนนทบุรีตั้งอยู่ในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือค่อนทางเหนือ 20 กิโลเมตร มีพื้นที่ปกครองทั้งหมด 622.303 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 388,939.375 ไร่ โดยมีพิกัดภูมิศาสตร์อยู่ละติจูดที่ 13 องศา 47 ลิปดาเหนือ ถึงละติจูดที่ 14 องศา 04 ลิปดาเหนือ และลองจิจูดที่ 100 องศา 15 ลิปดาตะวันออก ถึงลองจิจูดที่ 100 องศา 34 ลิปดาตะวันออก[24] และมีอาณาเขตจรดอำเภอและจังหวัดข้างเคียงเรียงตามเข็มนาฬิกา ดังนี้- ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อำเภอลาดหลุมแก้ว และอำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับเขตดอนเมือง เขตหลักสี่ เขตจตุจักร และเขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร (ฝั่งพระนคร)
- ทิศใต้ ติดต่อกับเขตบางพลัด เขตตลิ่งชัน และเขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร (ฝั่งธนบุรี)
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอพุทธมณฑลและอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม
[แก้] ลักษณะภูมิประเทศ
จังหวัดนนทบุรีเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีแม่น้ำไหลผ่าน จึงแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งตะวันตก มีพื้นที่ 3 ใน 4 ของจังหวัด พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มมีน้ำท่วมถึง มีคูคลองขนาดต่าง ๆ เชื่อมโยงกันหลายสายเหมือนใยแมงมุม มีการทำเรือกสวนไร่นา และฝั่งตะวันออกมีพื้นที่ 1 ใน 3 ของจังหวัด ได้แก่พื้นที่ในเขตเทศบาลนครนนทบุรีและเทศบาลนครปากเกร็ด เป็นเขตเมืองมีประชากรอยู่อย่างหนาแน่น อาจถือได้ว่าส่วนนี้เป็นส่วนหนึ่งของเมืองหลวง เพราะเขตแดนระหว่างนนทบุรีกับกรุงเทพมหานครนั้นแทบจะไม่เป็นที่รู้จัก[แก้] ลักษณะภูมิอากาศ
[แก้] การแบ่งเขตการปกครอง
[แก้] การปกครองส่วนภูมิภาค
จังหวัดนนทบุรีแบ่งเขตการปกครองส่วนภูมิภาค (ตามกฎหมายลักษณะปกครองท้องที่) ออกเป็น 6 อำเภอ 52 ตำบล 440 หมู่บ้าน แต่หากไม่นับรวมหน่วยการปกครองในเขตเทศบาลเมืองและเทศบาลนครซึ่งยุบเลิกตำแหน่งกำนันและผู้ใหญ่บ้านแล้ว จะมีทั้งหมด 34 ตำบล 328 หมู่บ้าน[25] โดยอำเภอทั้ง 6 อำเภอของจังหวัดนนทบุรี มีรายชื่อและข้อมูลทั่วไปดังนี้| ลำดับ[# 1] | ชื่ออำเภอ | ชั้น[26] | พื้นที่ (ตร.กม.) | ห่างจากตัวจังหวัด (ก.ม.)[27] | ตั้งเมื่อ (พ.ศ.) | ตำบล [# 2][28] | หมู่บ้าน [# 3][28] | ประชากร (คน)[29] | แผนที่ |
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1 | พิเศษ | 77.018 [30] | - | ไม่ปรากฏข้อมูล | 10 | 26 | 356,153 | ||
| 2 | 2 | 57.408 [31] | 16.86 | 2447 [32] | 9 | 41 | 103,930 | ||
| 3 | 2 | 96.398 [33] | 8.11 | 2464 [34] | 6 | 69 | 107,716 | ||
| 4 | 1 | 116.439 [35] | 15.96 | 2445 [36] | 8 | 73 | 234,496 | ||
| 5 | 2 | 186.017 [37] | 29.01 | 2499 [38] | 7 | 68 | 56,195 | ||
| 6 | 1 | 89.023 [39] | 7.45 | 2427 [40] | 12 | 51 | 219,581 |
- ^ เรียงตามรหัสเขตการปกครองของกรมการปกครอง
- ^ รวมตำบลในเขตเทศบาลเมืองและเทศบาลนครด้วย
- ^ เฉพาะหมู่บ้านนอกเขตเทศบาลเมืองและเทศบาลนคร (ทั้งเต็มหมู่และบางส่วน) เท่านั้น สำหรับจำนวนหมู่บ้านทั้งหมด ให้ดูในบทความของแต่ละอำเภอ
[แก้] การปกครองส่วนท้องถิ่น
พื้นที่จังหวัดนนทบุรีประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 46 แห่ง แบ่งตามประเภทและอำนาจบริหารจัดการภายในท้องที่ได้เป็น องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาล 11 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 34 แห่ง[41] เทศบาลทั้งหมดมีรายชื่อดังนี้| ลำดับ | ชื่อเทศบาล | พื้นที่ (ตร.กม.) | ตั้งเมื่อ (พ.ศ.)[# 1] | อำเภอ | ครอบคลุมตำบล | ประชากร (คน)[29] | ||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| ทั้งตำบล | บางส่วน | รวม | ||||||
| 1 | 38.90 [42] | 2538 [43] | เมืองนนทบุรี | 5 | - | 5 | 263,507 | |
| 2 | 36.04 [44] | 2543 [45] | ปากเกร็ด | 5 | - | 5 | 176,742 | |
| 3 | 13.50 [46] | 2480 [47] | บางบัวทอง | 1 | 4 | 5 | 46,428 | |
| 4 | 8.40 [48] | 2545 [49] | บางกรวย | 2 | - | 2 | 41,742 | |
| 5 | 6.36 [50] | 2549 [51] | เมืองนนทบุรี | 1 | 1 | 2 | 29,416 | |
| 6 | 15.68 [48] | 2542 [52] | บางกรวย | 2 | 1 | 3 | 28,867 | |
| 7 | 1.67 [53] | 2542 [52] | บางใหญ่ | - | 3 | 3 | 5,104 | |
| 8 | 7.23 [54] | 2542 [52] | บางใหญ่ | - | 3 | 3 | 9,655 | |
| 9 | 1.20 [48] | 2542 [52] | ไทรน้อย | - | 2 | 2 | 1,862 | |
| 10 | 8.14 [48] | 2546 [55] | เมืองนนทบุรี | 1 | - | 1 | 19,021 | |
| 11 | 14.78 [56] | 2551 [41] | บางกรวย | 1 | - | 1 | 8,777 | |
- ^ หมายถึงปีที่ได้รับการยกฐานะเป็นเทศบาลในระดับล่าสุด
[แก้] ประชากร
ตามข้อมูลจำนวนประชากรของกรมการปกครอง เมื่อสิ้นปี พ.ศ. 2552 จังหวัดนนทบุรีมีประชากร 1,078,071 คน เป็นชาย 507,972 คน และหญิง 570,099 คน[29] ประกอบด้วยหลายเชื้อชาติทั้งไทย (มีจำนวนมากที่สุด มีอยู่ทั่วไปในจังหวัด) จีน มอญ (อพยพมาในสมัยกรุงธนบุรีและสมัยรัชกาลที่ 2) และมลายู (อพยพมาจากเมืองปัตตานีและไทรบุรี) โดยส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา รองลงไปเป็นศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม และศาสนาอื่น ๆ[แก้] การคมนาคม
- ดูบทความหลักที่ รายชื่อถนนในจังหวัดนนทบุรี
[แก้] สถานีรถไฟฟ้า
[แก้] รถไฟฟ้ามหานคร สายสีม่วง
- คลองบางไผ่
- ตลาดบางใหญ่
- สามแยกบางใหญ่
- บางพลู
- บางรักใหญ่
- ท่าอิฐ
- ไทรม้า
- พระนั่งเกล้า
- แยกนนทบุรี1
- ศรีพรสวรรค์
- ศูนย์ราชการนนทบุรี
- กระทรวงสาธารณสุข
- แยกติวานนท์
[แก้] รถไฟฟ้าโมโนเรล สายสีชมพู
- ศูนย์ราชการนนทบุรี
- แคราย
- สนามบินน้ำ
- สามัคคี
- ชลประทาน
- ปากเกร็ด
- เลี่ยงเมืองปากเกร็ด
- เมืองทองธานี
- ศรีรัช
[แก้] รถไฟฟ้าสายสีแดง
[แก้] ท่าเรือ
- ปากเกร็ด
- เกาะเกร็ด
- วัดกลางเกร็ด
- กระทรวงพาณิชย์
- สะพานพระนั่งเกล้า
- ท่าน้ำนนทบุรี
- บางศรีเมือง
- สะพานพระราม5
- นครอินทร์
- วัดเขียน
- วัดตึก
- วัดเขมาภิรตาราม
- วัดปากน้ำ
- บางกรวย
- สะพานพระราม 7
[แก้] ดูเพิ่ม
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
- สำหรับนนทบุรี ในความหมายอื่น ดูที่ นนทบุรี (แก้ความกำกวม)
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เนื้อหา[ซ่อน] |
[แก้] สัญลักษณ์ประจำจังหวัด
- ตราประจำจังหวัด รูป "หม้อน้ำลายวิจิตร" หมายถึง ชาวจังหวัดนนทบุรีมีอาชีพทำเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งยึดถือเป็นอาชีพและมีชื่อเสียงมาช้านาน
- ต้นไม้ประจำจังหวัด ต้นนนทรีบ้าน (Peltophorum pterocarpum Back. Ex Heyne วงศ์ LEGUMINOSAE)
- ดอกไม้ประจำจังหวัด ดอกนนทรี
- คำขวัญประจำจังหวัด พระตำหนักสง่างาม ลือนามสวนสมเด็จ เกาะเกร็ดแหล่งดินเผา วัดเก่านามระบือ เลื่องลือทุเรียนนนท์ งามน่ายลศูนย์ราชการ
- ตัวอักษรย่อ จังหวัดนนทบุรีใช้อักษรย่อ นบ
[แก้] ประวัติศาสตร์
สภาพทั่วไปของจังหวัดนนทบุรีเป็นที่ราบลุ่มมีความอุดมสมบูรณ์ จึงมีผู้คนมาตั้งถิ่นฐานเป็นชุมชนหนาแน่นตามริมแม่น้ำเจ้าพระยามาตั้งแต่อดีต เช่น บ้านวัดชลอ บ้านวัดเขมา บ้านบางม่วง บ้านตลาดขวัญ บ้านบางขนุน เป็นต้น[แก้] สมัยอยุธยา
หลักฐานการตั้งถิ่นฐานที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดนนทบุรีปรากฏที่วัดปรางค์หลวง[4] ตั้งอยู่ในตำบลบางม่วง อำเภอบางใหญ่ เป็นวัดที่มีพระปรางค์ลักษณะย่อมุมไม้ยี่สิบขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่าสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นหลักแก่ชุมชนชาวเมืองอู่ทองที่อพยพหนีโรคระบาดมาตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณนี้ก่อนจะมีการสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี[5] ชุมชนแห่งนี้ได้ขยายตัวและกระจัดกระจายออกไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ในบริเวณนี้ โดยมีชุมชนสำคัญอีกแห่งหนึ่งคือ บ้านตลาดขวัญ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ท้องที่จังหวัดนนทบุรีทั้งหมดในสมัยนี้ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของกรุงศรีอยุธยา[6]จนกระทั่งปี พ.ศ. 2091 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองลัดแม่น้ำเจ้าพระยา จากเหนือวัดชลอไปทะลุใกล้วัดมูลเหล็ก (ปัจจุบันคือวัดสุวรรณคีรี เขตบางกอกน้อย) เพื่อใช้เป็นเส้นทางลัดในการเดินทางและเพื่อเพิ่มปริมาณแหล่งน้ำสำหรับการเกษตรในพื้นที่[7]
ในปีเดียวกันนั้น พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ กษัตริย์พม่าได้ยกกองทัพเข้าตีกรุงศรีอยุธยา ผลจากสงครามทำให้สมเด็จพระสุริโยทัยสิ้นพระชนม์บนคอช้าง เมื่อพม่ายกทัพกลับไป และกรุงศรีอยุธยาได้จัดการพระศพสมเด็จพระสุริโยทัยเรียบร้อยแล้ว สมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงทรงปรับปรุงกิจการทหารให้มั่นคงกว่าเดิม พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเมืองใหม่ขึ้นอีกหลายเมือง รวมทั้งให้ยกฐานะหมู่บ้านตลาดขวัญขึ้นเป็น เมืองนนทบุรี ในปี พ.ศ. 2092[8] เนื่องจากมีราษฎรจำนวนมากหนีภัยสงครามครั้งนั้นไปอยู่ตามป่าเขาและไม่ยอมกลับพระนคร หากตั้งเมืองใหม่ขึ้นจะเป็นประโยชน์ต่อการเกณฑ์ไพร่พลเมื่อเกิดสงคราม นอกจากนี้ยังสามารถเป็นเมืองท่าและเมืองหน้าด่านของกรุงศรีอยุธยาได้อีกด้วย ที่ตั้งของเมืองนนทบุรีในครั้งแรกนี้ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา มีวัดหัวเมืองเป็นเขตเหนือ (ปัจจุบันคือโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า) และมีวัดท้ายเมืองเป็นเขตใต้[9]
ต่อมาในปี พ.ศ. 2179 รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองลัดตัดส่วนโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ใต้วัดท้ายเมืองไปทะลุออกหน้าวัดเขมา[8] (เดิมแม่น้ำเจ้าพระยาไหลวกเข้าไปทางบางกรวยและบางใหญ่) ซึ่งทำให้กระแสน้ำเปลี่ยนทางเดินไหลเข้าคลองที่ขุดใหม่ กลายเป็นแนวแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าศาลากลางจังหวัดหลังเก่าในปัจจุบัน ส่วนแม่น้ำเดิมก็ตื้นเขินลงเป็นคลองอ้อม คลองบางกอกน้อย และคลองบางกรวยตามที่ปรากฏในปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. 2208 สมเด็จพระนารายณ์มหาราชมีพระราชดำริว่า แนวแม่น้ำเจ้าพระยาที่สั้นลงจะทำให้ข้าศึกเข้าสู่กรุงศรีอยุธยาได้ง่ายขึ้น จึงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองนนทบุรีจากบ้านตลาดขวัญไปตั้งบริเวณปากคลองอ้อม บ้านบางศรีเมือง[8] (ที่ตั้งเมืองอยู่บริเวณนี้จนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) และให้สร้างกำแพงเมืองรวมทั้งป้อมปราการขึ้น 2 ป้อม คือ "ป้อมแก้ว" ตั้งอยู่ที่บ้านตลาดแก้ว (สันนิษฐานว่าอยู่ที่วัดปากน้ำในปัจจุบัน) และ "ป้อมทับทิม" ตั้งอยู่บริเวณวัดเฉลิมพระเกียรติในปัจจุบัน[10] (ปัจจุบันกำแพงและป้อมถูกรื้อไปหมดแล้ว) ในช่วงนี้สภาพเศรษฐกิจของเมืองนนทบุรีมีความมั่นคงมาก ทั้งการค้าขายและการทำสวนผลไม้[10]
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2264 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองลัดเกร็ดขึ้นตัดความโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงที่ไหลวกอ้อมไปทางบางบัวทอง[10] ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางการไหล ชายฝั่งทั้งสองข้างของคลองลัดเกร็ดถูกกัดเซาะให้ห่างออกจากกันมากขึ้น พื้นที่ตรงกลางที่มีน้ำล้อมรอบจึงกลายเป็นเกาะ เรียกว่า "เกาะเกร็ด"
ปี พ.ศ. 2307 ก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าเล็กน้อย พระเจ้ามังระ กษัตริย์พม่า โปรดเกล้าฯ ให้มังมหานรธาเป็นแม่ทัพเข้าตีเข้ากรุงศรีอยุธยาจากทางทิศใต้ ตีหัวเมืองรายทางเรื่อยมาจนถึงเมืองธนบุรีและเมืองนนทบุรี ก็เข้ายึดเมืองทั้งสองได้เช่นกัน พม่าแบ่งกำลังบางส่วนขึ้นมาตั้งค่ายอยู่บริเวณวัดเขมา ขณะนั้นมีเรือกำปั่นอังกฤษซึ่งมาค้าขายอยู่ที่เมืองธนบุรีได้อาสาช่วยรบโดยยิงปืนเข้าใส่ค่ายพม่าในเวลากลางคืน[11] แต่ในที่สุดก็สู้กองทัพพม่าไม่ได้ จึงล่องเรือหนีไป
จากนั้นกองทัพพม่าจึงบุกขึ้นไปทางทิศเหนือ เข้าล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2309 และเข้ายึดได้ในปี พ.ศ. 2310 ตลอดการสู้รบได้ส่งผลให้บ้านเมือง วัดวาอารามต่าง ๆ ถูกทำลายและทิ้งร้าง ชาวเมืองนนทบุรีต้องอพยพจากถิ่นที่อยู่เดิม ข้ามแม่น้ำไปหลบซ่อนในสวนบางกรวยและบางใหญ่เพื่อหนีภัยสงคราม[12]
[แก้] สมัยรัตนโกสินทร์
เมื่อบ้านเมืองได้รับการฟื้นฟูกลับสู่สภาพปกติในสมัยกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ ชาวเมืองจึงค่อย ๆ ย้ายกลับสู่ถิ่นฐานเดิม พร้อมทั้งมีผู้คนจากถิ่นอื่นเข้ามาในพื้นที่ด้วย ได้แก่ ชาวมอญที่อพยพเข้ามาในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งถิ่นฐานที่ปากเกร็ด[12] และอีกครั้งหนึ่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เมืองนนทบุรี เมืองปทุมธานี และเมืองนครเขื่อนขันธ์[13] นอกจากนี้ยังมีชาวไทยมุสลิมเมืองปัตตานีที่ถูกกวาดต้อนเข้ามาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช[13] และชาวไทยมุสลิมเมืองไทรบุรีที่เข้ามาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งสองพระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ชาวไทยมุสลิมเหล่านี้ตั้งถิ่นฐานที่บ้านท่าอิฐ (ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอปากเกร็ด) และบ้านบางบัวทอง[13]ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนสร้อยชื่อเมืองจากเดิมคือ เมืองนนทบุรีศรีมหาสมุทร เป็น เมืองนนทบุรีศรีมหาอุทยาน[14] และต่อมาเปลี่ยนเป็น เมืองนนทบุรีศรีเกษตราราม[15] ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นนี้ เมืองนนทบุรีมีฐานะเป็นหัวเมืองชายทะเล สังกัดกรมท่า[16]
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงปฏิรูปการปกครองหัวเมืองต่าง ๆ เป็นการปกครองส่วนภูมิภาค เมืองนนทบุรี จึงจัดอยู่ในมณฑลกรุงเทพ แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอตลาดขวัญ อำเภอบางใหญ่ อำเภอบางบัวทอง และอำเภอปากเกร็ด[16] ส่วนศาลากลางเมืองนนทบุรีนั้นโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายจากปากคลองอ้อม บ้านบางศรีเมือง มาตั้งอยู่ที่ปากคลองบางซื่อใกล้วัดท้ายเมือง[16] จนกระทั่งปี พ.ศ. 2459 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนคำว่าเมืองเป็น "จังหวัด"[17] เมืองนนทบุรีจึงเปลี่ยนชื่อเรียกเป็น จังหวัดนนทบุรี
นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2471 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายศาลากลางจังหวัดนนทบุรีมาตั้งที่โรงเรียนราชวิทยาลัย[18] ศาลากลางจังหวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการเมืองและศาลากลางจังหวัดนนทบุรีในอดีตลงมาทางทิศใต้ ปัจจุบันก็คือศาลากลางจังหวัดหลังเก่าบริเวณท่าน้ำนนทบุรีนั่นเอง
[แก้] สมัยปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. 2474 ทางราชการได้ตัดถนนประชาราษฎร์[19] ขึ้นเป็นเส้นทางเชื่อมการคมนาคมระหว่างจังหวัดนนทบุรีกับจังหวัดพระนครสายแรก[20] และต่อมาจึงตัดถนนพิบูลสงครามเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นเป็นสายที่สอง[20] ในท้องที่ตำบลสวนใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2486 เกิดสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางราชการจึงยุบจังหวัดนนทบุรีลงเพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ โดยโอนอำเภอเมืองนนทบุรีและอำเภอปากเกร็ดไปขึ้นกับจังหวัดพระนคร และโอนอำเภอบางกรวย อำเภอบางใหญ่ และอำเภอบางบัวทองไปขึ้นกับจังหวัดธนบุรี[20] จนกระทั่งนนทบุรีได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดอีกครั้งในปี พ.ศ. 2489[21] อำเภอต่าง ๆ จึงกลับมาอยู่ในเขตการปกครองของทางจังหวัดตามเดิม
ปี พ.ศ. 2499 กระทรวงมหาดไทยได้ยกกิ่งอำเภอไทรน้อยซึ่งแยกพื้นที่ปกครองจากอำเภอบางบัวทองมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 ให้มีฐานะเป็นอำเภอไทรน้อย[22] จังหวัดนนทบุรีจึงมีเขตการปกครองรวม 6 อำเภอจนถึงปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. 2535 กระทรวงมหาดไทยย้ายศาลากลางจังหวัดนนทบุรีและหน่วยงานราชการอื่น ๆ ไปตั้งอยู่ที่ศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบลบางกระสอ และใช้เป็นที่ทำการมาจนถึงทุกวันนี้
[แก้] ทำเนียบผู้ว่าราชการ
รายนามผู้ว่าราชการเมืองนนทบุรีและผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี[23]| ลำดับ | ชื่อผู้ว่าราชการ | ระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง | ลำดับ | ชื่อผู้ว่าราชการ | ระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง |
|---|---|---|---|---|---|
| 1 | มหาอำมาตย์ตรี นายพันตรีพระยาไกรโกษา (ทัด สิงหเสนี) | ไม่ทราบข้อมูล | 2 | หม่อมเจ้าขจรศุภสวัสดิ์ | ไม่ทราบข้อมูล |
| 3 | พระยาอินทราธิบดี (ทองย้อย เศวตศิลา) | ไม่ทราบข้อมูล | 4 | พระยานนทบุรีศรีเกษตราราม (เล็ก บูรณฤกษ์) | พ.ศ. 2465-2469 |
| 5 | พระยาศิริชัยบุรินทร์ (เปี่ยม หงสเดช) | พ.ศ. 2469-2476 | 6 | พระยาบริหารเทพธานี (เฉลิม กาญจนาคม) | พ.ศ. 2476-2478 |
| 7 | หลวงภูวนารถนราภิบาล (สนิท มหามุสิต) | พ.ศ. 2478-2480 | 8 | หลวงวิโรจน์รัฐกิจ (เปรื่อง โรจนกุล) | พ.ศ. 2480-2482 |
| 9 | หลวงอรรถเกษมภาษา (สวิง ถาวรพันธ์) | พ.ศ. 2482-2483 | 10 | หลวงโยธีพิทักษ์ (โปร่ง สาทิศกุล) | พ.ศ. 2483-2484 |
| 11 | นายสุทิน วิวัฒนะ | พ.ศ. 2484-2485 | 12 | หลวงนรกิจบริหาร (แดง กนิษฐสุต) | พ.ศ. 2485-2489 |
| 13 | นายลิขิต สัตยายุทธ์ | พ.ศ. 2489-2491 | 14 | ขุนบุรีภิรมย์กิจ (พริ้ม จารุมาศ) | พ.ศ. 2491-2499 |
| 15 | นายประกอบ ทรัพย์มณี | พ.ศ. 2499-2503 | 16 | นายสอาด ปายะนันท์ | พ.ศ. 2503-2510 |
| 17 | นายแสวง ศรีมาเสริม | พ.ศ. 2510-2514 | 18 | นายวิจิตร แจ่มใส | พ.ศ. 2514-2519 |
| 19 | นายสุชาติ พัววิไล | พ.ศ. 2519-2521 | 20 | นายศรีพงศ์ สระวาลี | พ.ศ. 2521-2524 |
| 21 | นายฉลอง วงษา | พ.ศ. 2524-2526 | 22 | ดร.สุกิจ จุลละนันท์ | พ.ศ. 2526-2530 |
| 23 | นายปริญญา นาคฉัตรีย์ | พ.ศ. 2530-2534 | 24 | นายทวีป ทวีพาณิชย์ | พ.ศ. 2534-2536 |
| 25 | นายชัยจิตร รัฐขจร | พ.ศ. 2536-2537 | 26 | นายสุจริต ปัจฉิมนันท์ | พ.ศ. 2537-2539 |
| 27 | นายวีระชัย แนวบุญเนียร | พ.ศ. 2539-2542 | 28 | นายขวัญชัย วศวงศ์ | พ.ศ. 2542-2544 |
| 29 | นายสาโรช คัชมาตย์ | พ.ศ. 2544-2545 | 30 | นายชาญชัย สุนทรมัฎฐ์ | พ.ศ. 2545-2547 |
| 31 | นายพระนาย สุวรรณรัฐ | พ.ศ. 2547-2549 | 32 | นายเชิดวิทย์ ฤทธิประศาสน์ | พ.ศ. 2549-2552 |
| 33 | นายวิเชียร พุฒิวิญญู | พ.ศ. 2552-ปัจจุบัน |
[แก้] ภูมิศาสตร์
[แก้] ที่ตั้งและอาณาเขตติดต่อ
จังหวัดนนทบุรีตั้งอยู่ในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือค่อนทางเหนือ 20 กิโลเมตร มีพื้นที่ปกครองทั้งหมด 622.303 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 388,939.375 ไร่ โดยมีพิกัดภูมิศาสตร์อยู่ละติจูดที่ 13 องศา 47 ลิปดาเหนือ ถึงละติจูดที่ 14 องศา 04 ลิปดาเหนือ และลองจิจูดที่ 100 องศา 15 ลิปดาตะวันออก ถึงลองจิจูดที่ 100 องศา 34 ลิปดาตะวันออก[24] และมีอาณาเขตจรดอำเภอและจังหวัดข้างเคียงเรียงตามเข็มนาฬิกา ดังนี้- ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อำเภอลาดหลุมแก้ว และอำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับเขตดอนเมือง เขตหลักสี่ เขตจตุจักร และเขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร (ฝั่งพระนคร)
- ทิศใต้ ติดต่อกับเขตบางพลัด เขตตลิ่งชัน และเขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร (ฝั่งธนบุรี)
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอพุทธมณฑลและอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม
[แก้] ลักษณะภูมิประเทศ
จังหวัดนนทบุรีเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีแม่น้ำไหลผ่าน จึงแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งตะวันตก มีพื้นที่ 3 ใน 4 ของจังหวัด พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มมีน้ำท่วมถึง มีคูคลองขนาดต่าง ๆ เชื่อมโยงกันหลายสายเหมือนใยแมงมุม มีการทำเรือกสวนไร่นา และฝั่งตะวันออกมีพื้นที่ 1 ใน 3 ของจังหวัด ได้แก่พื้นที่ในเขตเทศบาลนครนนทบุรีและเทศบาลนครปากเกร็ด เป็นเขตเมืองมีประชากรอยู่อย่างหนาแน่น อาจถือได้ว่าส่วนนี้เป็นส่วนหนึ่งของเมืองหลวง เพราะเขตแดนระหว่างนนทบุรีกับกรุงเทพมหานครนั้นแทบจะไม่เป็นที่รู้จัก[แก้] ลักษณะภูมิอากาศ
[แก้] การแบ่งเขตการปกครอง
[แก้] การปกครองส่วนภูมิภาค
จังหวัดนนทบุรีแบ่งเขตการปกครองส่วนภูมิภาค (ตามกฎหมายลักษณะปกครองท้องที่) ออกเป็น 6 อำเภอ 52 ตำบล 440 หมู่บ้าน แต่หากไม่นับรวมหน่วยการปกครองในเขตเทศบาลเมืองและเทศบาลนครซึ่งยุบเลิกตำแหน่งกำนันและผู้ใหญ่บ้านแล้ว จะมีทั้งหมด 34 ตำบล 328 หมู่บ้าน[25] โดยอำเภอทั้ง 6 อำเภอของจังหวัดนนทบุรี มีรายชื่อและข้อมูลทั่วไปดังนี้| ลำดับ[# 1] | ชื่ออำเภอ | ชั้น[26] | พื้นที่ (ตร.กม.) | ห่างจากตัวจังหวัด (ก.ม.)[27] | ตั้งเมื่อ (พ.ศ.) | ตำบล [# 2][28] | หมู่บ้าน [# 3][28] | ประชากร (คน)[29] | แผนที่ |
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1 | พิเศษ | 77.018 [30] | - | ไม่ปรากฏข้อมูล | 10 | 26 | 356,153 | ||
| 2 | 2 | 57.408 [31] | 16.86 | 2447 [32] | 9 | 41 | 103,930 | ||
| 3 | 2 | 96.398 [33] | 8.11 | 2464 [34] | 6 | 69 | 107,716 | ||
| 4 | 1 | 116.439 [35] | 15.96 | 2445 [36] | 8 | 73 | 234,496 | ||
| 5 | 2 | 186.017 [37] | 29.01 | 2499 [38] | 7 | 68 | 56,195 | ||
| 6 | 1 | 89.023 [39] | 7.45 | 2427 [40] | 12 | 51 | 219,581 |
- ^ เรียงตามรหัสเขตการปกครองของกรมการปกครอง
- ^ รวมตำบลในเขตเทศบาลเมืองและเทศบาลนครด้วย
- ^ เฉพาะหมู่บ้านนอกเขตเทศบาลเมืองและเทศบาลนคร (ทั้งเต็มหมู่และบางส่วน) เท่านั้น สำหรับจำนวนหมู่บ้านทั้งหมด ให้ดูในบทความของแต่ละอำเภอ
[แก้] การปกครองส่วนท้องถิ่น
พื้นที่จังหวัดนนทบุรีประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 46 แห่ง แบ่งตามประเภทและอำนาจบริหารจัดการภายในท้องที่ได้เป็น องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาล 11 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 34 แห่ง[41] เทศบาลทั้งหมดมีรายชื่อดังนี้| ลำดับ | ชื่อเทศบาล | พื้นที่ (ตร.กม.) | ตั้งเมื่อ (พ.ศ.)[# 1] | อำเภอ | ครอบคลุมตำบล | ประชากร (คน)[29] | ||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| ทั้งตำบล | บางส่วน | รวม | ||||||
| 1 | 38.90 [42] | 2538 [43] | เมืองนนทบุรี | 5 | - | 5 | 263,507 | |
| 2 | 36.04 [44] | 2543 [45] | ปากเกร็ด | 5 | - | 5 | 176,742 | |
| 3 | 13.50 [46] | 2480 [47] | บางบัวทอง | 1 | 4 | 5 | 46,428 | |
| 4 | 8.40 [48] | 2545 [49] | บางกรวย | 2 | - | 2 | 41,742 | |
| 5 | 6.36 [50] | 2549 [51] | เมืองนนทบุรี | 1 | 1 | 2 | 29,416 | |
| 6 | 15.68 [48] | 2542 [52] | บางกรวย | 2 | 1 | 3 | 28,867 | |
| 7 | 1.67 [53] | 2542 [52] | บางใหญ่ | - | 3 | 3 | 5,104 | |
| 8 | 7.23 [54] | 2542 [52] | บางใหญ่ | - | 3 | 3 | 9,655 | |
| 9 | 1.20 [48] | 2542 [52] | ไทรน้อย | - | 2 | 2 | 1,862 | |
| 10 | 8.14 [48] | 2546 [55] | เมืองนนทบุรี | 1 | - | 1 | 19,021 | |
| 11 | 14.78 [56] | 2551 [41] | บางกรวย | 1 | - | 1 | 8,777 | |
- ^ หมายถึงปีที่ได้รับการยกฐานะเป็นเทศบาลในระดับล่าสุด
[แก้] ประชากร
ตามข้อมูลจำนวนประชากรของกรมการปกครอง เมื่อสิ้นปี พ.ศ. 2552 จังหวัดนนทบุรีมีประชากร 1,078,071 คน เป็นชาย 507,972 คน และหญิง 570,099 คน[29] ประกอบด้วยหลายเชื้อชาติทั้งไทย (มีจำนวนมากที่สุด มีอยู่ทั่วไปในจังหวัด) จีน มอญ (อพยพมาในสมัยกรุงธนบุรีและสมัยรัชกาลที่ 2) และมลายู (อพยพมาจากเมืองปัตตานีและไทรบุรี) โดยส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา รองลงไปเป็นศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม และศาสนาอื่น ๆ[แก้] การคมนาคม
- ดูบทความหลักที่ รายชื่อถนนในจังหวัดนนทบุรี
[แก้] สถานีรถไฟฟ้า
[แก้] รถไฟฟ้ามหานคร สายสีม่วง
- คลองบางไผ่
- ตลาดบางใหญ่
- สามแยกบางใหญ่
- บางพลู
- บางรักใหญ่
- ท่าอิฐ
- ไทรม้า
- พระนั่งเกล้า
- แยกนนทบุรี1
- ศรีพรสวรรค์
- ศูนย์ราชการนนทบุรี
- กระทรวงสาธารณสุข
- แยกติวานนท์
[แก้] รถไฟฟ้าโมโนเรล สายสีชมพู
- ศูนย์ราชการนนทบุรี
- แคราย
- สนามบินน้ำ
- สามัคคี
- ชลประทาน
- ปากเกร็ด
- เลี่ยงเมืองปากเกร็ด
- เมืองทองธานี
- ศรีรัช
[แก้] รถไฟฟ้าสายสีแดง
[แก้] ท่าเรือ
- ปากเกร็ด
- เกาะเกร็ด
- วัดกลางเกร็ด
- กระทรวงพาณิชย์
- สะพานพระนั่งเกล้า
- ท่าน้ำนนทบุรี
- บางศรีเมือง
- สะพานพระราม5
- นครอินทร์
- วัดเขียน
- วัดตึก
- วัดเขมาภิรตาราม
- วัดปากน้ำ
- บางกรวย
- สะพานพระราม 7
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น